กลองเส็ง
จากกรมส่งเสริมวัฒน ธรรม ที่บันทึกความรู้ จากผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ ว่าด้วย "กลองเส็ง" คือกลองที่ตีประกวดกัน หรือ "เส็งกัน" เรียกอีกชื่อว่ากลองกิ่ง ว่า กลองเส็งเป็นกลองประเพณีมีมาแต่ดึกดำบรรพ์ ใช้ตีประกวดหรือแข่งขันกันในงานเทศกาลต่างๆ เช่น บุญกฐิน บุญแข่งเรือ เทศกาลบุญผเวส (บุญพระเวส-เทศน์มหาชาติ) หรือทำบุญแจกข้าว ออกพรรษา ผ้าป่า เป็นประเพณีที่มีมาแต่ครั้งพ่อแม่ที่เป็นผู้ปฏิบัตินำลูกหลานมาจนทุกวันนี้
ทั้งนี้ การทำกลองเส็ง เป็นเรื่องที่ยากมาก เริ่มจากการไปหาไม้ ตัดไม้เป็นท่อน โดยมีแบบว่าจะกำหนดให้สูงเท่าไร กว้างเท่าไร เช่น ให้สูง 95 เซนติเมตร กว้างประมาณ 30 เซนติเมตร ส่วนหน้าและส่วนท้ายกว้าง 25 เซนติเมตร เมื่อตัดไม้มาแล้วต้องไสไม้ด้านนอกให้เป็นตัวกลอง แล้วขุดไม้ด้านในออกให้กลวง ขูดแต่งโปงภายใน วัดให้ได้ตามแบบตามแผน จากนั้นบากแต่งตัวกลองให้ได้รูปที่สมบูรณ์
ต่อไปเริ่มการทำหนังกลอง โดยหาซื้อหนังควายมาตากให้แห้ง แล้วตัดหนังทำหุ้มกลอง โดยตัดหนังให้มีขนาดใหญ่กว่าปากกลองประมาณ 5 เซนติ เมตร นำหนังไปแช่น้ำให้นิ่มแล้วนำมาสับทำร้อยหู ร้อยหูแล้วเอามาเข้าหน้าเปียกทิ้งตากแดดไว้ 2-3 วัน
จากนั้นถอดออก จากหน้ากลองมาตาก แดดอีก แห้งแล้วเอามาขูดให้หนังได้ที่พอดี แล้วเอามาหุ้มและตีทดลองเสียงให้ได้เสียงแหลมเล็ก เสร็จสรรพเอาไปตีเส็งกัน คือแข่งขันตีประกวดเสียงกัน สำหรับราคากลองเส็งแต่ละคู่ราคาต้นทุนประมาณคู่ละ 10,000-15,000บาท เป็นค่าไม้ ค่าหนัง โดยเฉพาะค่าไม้ซึ่งตกหลายบาทพอดูสำหรับไม้ประดู่ ส่วนหนังใช้หนังควายอย่างดี 3 ผืน (3 ตัว) ต่อกลองคู่หนึ่ง
การเตรียมกลองเพื่อเข้าแข่งขัน ต้องผ่านพิธีกรรมก่อนจะนำกลองเข้าสู่สนาม เมื่อเตรียมพร้อมที่จะไปเส็ง ต้องจัดสำรับคาว-หวาน 4 ชุด ขัน 5 เพื่อถวายแก่นางไม้องค์ที่เป็นสัญลักษณ์ของความเหนียว (ให้หนังกลองเหนียวไม่ขาดง่าย) เพื่อบอกให้รู้ ให้เป็นสิริมงคล ทำเสียงกลองให้ดังๆ ให้แข็งแรง หนังเหนียว เสียงกลองยั่วใจคน เสียงสูง ทางใต้ให้ดังไกลไปถึงหลี่ผี (น้ำตกคอนพะเพ็ง กลางลำน้ำโขง ในแขวงจำปาสัก ประเทศลาว) ส่วนทางเหนือให้ดังขึ้นไปถึงวเลวล่าง (แถน-สวรรค์)
การตีกลองเส็งต้องใช้ลีลา เริ่มด้วยการรัวกลองก่อน โดยคนตีต้องมีกำลังแข็งแรง แต่ข้อต้องอ่อน และแขนอ่อน เริ่มตีจากจังหวะอ่อนนิ่มแล้วตีแรงขึ้นไปเรื่อยๆ ไม้ตีต้องเป็นไม้เนื้อเหนียว ไม่หักง่ายๆ การตัดสินฟังจากเสียงกลองที่ต้องเสียงเล็ก สูง ใส การแข่งขันมี 5 ยก ทีมละ 5 คน คนละยก ยกละ 1 นาที 5 คน 5 นาที
เมื่อไปแข่งขันเสร็จกลับมาแล้ว ต้องรื้อหนังหน้ากลองออก นำไป เก็บรักษาไว้อย่างดี ไม่ให้เกิดการเสียหาย หรือถูกกัดทำลาย ปีหน้า ต่อไปเมื่อจะแข่ง ขัน อีก ก็นำเอาออกมาประกอบใหม่ หุ้มต่อไปเส็งอีก
ประเพณีตีกลองเส็งทำให้เกิดความสามัคคีในหมู่บ้าน สืบ สานประเพณีของหมู่บ้าน รวมลูกรวมหลาน เอาพี่เอาน้อง คำว่า กอง (กลอง) หมายถึงมารวมกัน ในวันในวาระในศาสนาของเรา เป็นวัฒนธรรมที่จะให้ลูกหลานสืบสานต่อไปภายหน้า
เพราะกลองเส็งเป็นประเพณีมาแต่เดิม มาแต่พ่อแต่แม่ แต่ปู่แต่ย่า สืบสานโดยสื่อสารกับหมู่บ้านนั้นหมู่บ้านนี้ให้มารวมกัน ให้ผู้เฒ่าผู้แก่คนหนุ่มคนสาวมารวมกันด้วยความสามัคคีปรองดอง พูดจาพาทีมีอะไรก็เล่าให้กันฟัง ไปอย่างนั้นมาอย่างนี้ รู้จักกันไม่ว่าจะเป็นวัด เป็นบ้าน เมื่อได้ยินเสียงกลองก็มารวมกัน ถามไถ่กัน ปรึกษาหารือพูดจากัน ให้ข้อคิดกัน
ขอบคุณข้อมูลhttp://www.khaosod.co.th
![]() |
ทั้งนี้ การทำกลองเส็ง เป็นเรื่องที่ยากมาก เริ่มจากการไปหาไม้ ตัดไม้เป็นท่อน โดยมีแบบว่าจะกำหนดให้สูงเท่าไร กว้างเท่าไร เช่น ให้สูง 95 เซนติเมตร กว้างประมาณ 30 เซนติเมตร ส่วนหน้าและส่วนท้ายกว้าง 25 เซนติเมตร เมื่อตัดไม้มาแล้วต้องไสไม้ด้านนอกให้เป็นตัวกลอง แล้วขุดไม้ด้านในออกให้กลวง ขูดแต่งโปงภายใน วัดให้ได้ตามแบบตามแผน จากนั้นบากแต่งตัวกลองให้ได้รูปที่สมบูรณ์
ต่อไปเริ่มการทำหนังกลอง โดยหาซื้อหนังควายมาตากให้แห้ง แล้วตัดหนังทำหุ้มกลอง โดยตัดหนังให้มีขนาดใหญ่กว่าปากกลองประมาณ 5 เซนติ เมตร นำหนังไปแช่น้ำให้นิ่มแล้วนำมาสับทำร้อยหู ร้อยหูแล้วเอามาเข้าหน้าเปียกทิ้งตากแดดไว้ 2-3 วัน
จากนั้นถอดออก จากหน้ากลองมาตาก แดดอีก แห้งแล้วเอามาขูดให้หนังได้ที่พอดี แล้วเอามาหุ้มและตีทดลองเสียงให้ได้เสียงแหลมเล็ก เสร็จสรรพเอาไปตีเส็งกัน คือแข่งขันตีประกวดเสียงกัน สำหรับราคากลองเส็งแต่ละคู่ราคาต้นทุนประมาณคู่ละ 10,000-15,000บาท เป็นค่าไม้ ค่าหนัง โดยเฉพาะค่าไม้ซึ่งตกหลายบาทพอดูสำหรับไม้ประดู่ ส่วนหนังใช้หนังควายอย่างดี 3 ผืน (3 ตัว) ต่อกลองคู่หนึ่ง
การเตรียมกลองเพื่อเข้าแข่งขัน ต้องผ่านพิธีกรรมก่อนจะนำกลองเข้าสู่สนาม เมื่อเตรียมพร้อมที่จะไปเส็ง ต้องจัดสำรับคาว-หวาน 4 ชุด ขัน 5 เพื่อถวายแก่นางไม้องค์ที่เป็นสัญลักษณ์ของความเหนียว (ให้หนังกลองเหนียวไม่ขาดง่าย) เพื่อบอกให้รู้ ให้เป็นสิริมงคล ทำเสียงกลองให้ดังๆ ให้แข็งแรง หนังเหนียว เสียงกลองยั่วใจคน เสียงสูง ทางใต้ให้ดังไกลไปถึงหลี่ผี (น้ำตกคอนพะเพ็ง กลางลำน้ำโขง ในแขวงจำปาสัก ประเทศลาว) ส่วนทางเหนือให้ดังขึ้นไปถึงวเลวล่าง (แถน-สวรรค์)
การตีกลองเส็งต้องใช้ลีลา เริ่มด้วยการรัวกลองก่อน โดยคนตีต้องมีกำลังแข็งแรง แต่ข้อต้องอ่อน และแขนอ่อน เริ่มตีจากจังหวะอ่อนนิ่มแล้วตีแรงขึ้นไปเรื่อยๆ ไม้ตีต้องเป็นไม้เนื้อเหนียว ไม่หักง่ายๆ การตัดสินฟังจากเสียงกลองที่ต้องเสียงเล็ก สูง ใส การแข่งขันมี 5 ยก ทีมละ 5 คน คนละยก ยกละ 1 นาที 5 คน 5 นาที
เมื่อไปแข่งขันเสร็จกลับมาแล้ว ต้องรื้อหนังหน้ากลองออก นำไป เก็บรักษาไว้อย่างดี ไม่ให้เกิดการเสียหาย หรือถูกกัดทำลาย ปีหน้า ต่อไปเมื่อจะแข่ง ขัน อีก ก็นำเอาออกมาประกอบใหม่ หุ้มต่อไปเส็งอีก
ประเพณีตีกลองเส็งทำให้เกิดความสามัคคีในหมู่บ้าน สืบ สานประเพณีของหมู่บ้าน รวมลูกรวมหลาน เอาพี่เอาน้อง คำว่า กอง (กลอง) หมายถึงมารวมกัน ในวันในวาระในศาสนาของเรา เป็นวัฒนธรรมที่จะให้ลูกหลานสืบสานต่อไปภายหน้า
เพราะกลองเส็งเป็นประเพณีมาแต่เดิม มาแต่พ่อแต่แม่ แต่ปู่แต่ย่า สืบสานโดยสื่อสารกับหมู่บ้านนั้นหมู่บ้านนี้ให้มารวมกัน ให้ผู้เฒ่าผู้แก่คนหนุ่มคนสาวมารวมกันด้วยความสามัคคีปรองดอง พูดจาพาทีมีอะไรก็เล่าให้กันฟัง ไปอย่างนั้นมาอย่างนี้ รู้จักกันไม่ว่าจะเป็นวัด เป็นบ้าน เมื่อได้ยินเสียงกลองก็มารวมกัน ถามไถ่กัน ปรึกษาหารือพูดจากัน ให้ข้อคิดกัน
ขอบคุณข้อมูลhttp://www.khaosod.co.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น