วันเสาร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2556

ตำนาน, ประวัติเมืองอุบลราชธานี 5


เจ้าผู้ครองเมืองอุบลราชธานี ศรีวนาไลย เมื่อพระปทุม สุรราช (คำผง) นำไพร่พลเข้ามาอยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภารของพระมหากษัตริย์ไทยนั้น อุบลราชธานีดำรงอยู่ในฐานะเป็น ประเทศราช เนื่องจากเจ้าผู้ครองนครสืบเชื้อสายมาจากเจ้านายพระราชวงศ์เชียงรุ้ง แสนหวีฟ้า มาสถาปนาหนองบัวลุ่มภูขึ้นเป็น “นครเขื่อนขันฑ์กาบแก้วบัวบาน” ตั้งอยู่เป็นอิสระไม่ขึ้นตรงต่อเมืองใด มีไพร่พลมาก พรั่งพร้อมด้วยคูค่ายป้อมปราการ และมีเมืองหน้าด่านทั้ง ๔ แห่ง คือ เมืองภูเขียว เมืองภูเวียง เมืองผ้าขาว เมืองพันนา ภายหลังได้ถอยหนีข้าศึกมาตั้งมั่นอยู่ที่ค่ายบ้านดอนมดแดง ค่ายเดิมที่เจ้าพระวอผู้บิดาสร้างไว้ และย้ายไปบ้านแจระแม แล้วย้ายไปดงอู่ผึ้งอันเป็นที่เมืองอุบลราชธานี ในปัจจุบัน เอกสารการ แต่งตั้งเจ้าเมือง ระบุเครื่องยศที่ทางกรุงเทพฯ พระราชทานแก่ เจ้าเมืองอุบลราชธานี ดังนี้ คนโททองคำ ๑ ใบ กระโถนถม ๑ ใบ ลูกประคำทองคำ ๑ สายกระบี่บั้งถม ๑ อัน เสื้อหมวกตุ้มปี ๑ ชุด สัปทนปัสตู ๑ ชุด ปืนคาบศิลาคอลาย ๑ กระบอ เสื้อเข้มขาบริ้วเลื้อย ๑ ตัว ส่านไทยปักทอง๑ ชุด ผ้าปู ๑ ผืน และมีพระบรมราชโองการ ให้เจ้าเมืองปกครองราษฎร ด้วยความร่มเย็นเป็นสุข ดังความว่า “…ให้ โอบอ้อมอารีต่ออาณาประชาราษฎร์ อย่าเบียดเบียน ข่มเหงไพร่บ้านพลเมือง ปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม ทำนุบำรุงพระสงฆ์ สามเณรให้ปฏิบัติเล่าเรืยนคันถธุระ วิปัสสนาธุระ กำชับ กำชาไพร่บ้านพลเมือง อย่าให้สูบฝิ่น ซื้อฝิ่น กินฝิ่น ให้กระทำพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาปีละ ๒ ครั้ง…” เจ้าเมืองอุบลราชธานีในอดีต ที่พระมหากษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งมีจำนวนทั้งสิ้น ๔ ท่าน ดังนี้ พระประทุมวรราชสุริยวงศ์ (พ.ศ.๒๓๓๕-๒๓๓๘) พระประทุม วรราชสุริยวงศ์ นามเดิม ท้าวคำผง เป็นลูกเจ้าพระวอ เป็นบุคคลสำคัญ ในการสถาปนาเมืองอุบลราชธานี โปรดให้สร้างป้อิมปราการ คู ค่าย ประตูเมือง หอโฮง เจ้านายต่างๆ สร้างวัดหลวง และเสนาสนะ อาทิ สิม อาราม หอระฆัง พระพุทธรูป สิ่งก่อสร้าง ล้วนเลียนแบบ ศิลปแบบหลวงพระบาง พระพรหมวรราชสุริยวงศ์ (พ.ศ.๒๓๓๘-๒๓๘๘) พระพรหมวรราช สุริยวงศ์ นามเดิม พรหม น้องชายพระประทุมวรราชสุริยวงศ์ (คำผง) เป็นบุตรชาย คนเล็กของ เจ้าพระวอ เป็นผู้ก่อสร้างวัด ป่าหลวง (วัดป่าหลวงมณีโชติ) นำไพร่พลผู้ศรัทธาสร้างพระพุทธรูป องค์ใหญ่ก่ออิฐถือปูน เป็นที่ เคารพสักการะของชาวอุบลฯ มีชื่อว่า พระเจ้าใหญ่ อินทร์แปลง ปัจจุบัน เป็นพระประธาน ในวิหารวัดมหาวนาราม และบรรดา อุปราช ราชวงศ์ ราชบุตร ร่วมกันสร้างวัดป่าน้อย (วัดป่าแก้วมณีวัน) ต่อมาพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ได้นิมนต์ พระอริยวงศาจารย์ ญาณวิมล อุบลสังฆปาโมกข์ จากวัดสระเกศ กรุงเทพฯ ไปดูแลการพระศาสนาในหัวเมืองอีสาน โดยพำนักอยู่ที่วัดป่าแก้วมณีวัน ซึ่งต่อมาพระเถระท่านนี้ได้ไปสร้างวัดทุ่งศรีเมือง และเป็นกำลังสำคัญในการวางรากฐานการศึกษาปริยัติและปฏิบัติในหัวเมืองอีสาน เป็นเหตุให้เกิดการศึกษาตามแบบกรุงเทพ ในยุคต่อมา พระพรหมราชวงศา (พ.ศ.๒๓๘๘-๒๔๐๙) พระพรหมราช วงศา นามเดิม กุทอง ต้นตระ กูลสุวรรณกูฏ บุตรพระพรหมวรราชสุริยวงศ์ (ทิตพรหม) ในสมัยของท่าน ธรรมยุติกนิกาย แพร่หลายในเมือง อุบลฯ เพื่อสนองพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดให้สร้างวัดสุปัฏนาราม และบรรดา อุปฮาด ราชวงศ์ ราชบุตร ร่วมกัน สร้างวัดศรีทอง (ศรีอุบลรัตนาราม) วัดสุทัศน์ ซึ่งเหตุการณ์สำคัญในสมัยนี้คือการเข้าร่วมสงคราม ขับไล่ญวน เจ้าพรหมเทวานุเคราะห์วงศ์ (พ.ศ.๒๔๐๙-๒๔๒๕) เจ้าพรหมเทวา (เจ้าหน่อคำ) เป็นพี่ชายเจ้าจอมมารดาด้วงคำใน รัชกาลที่ ๔ เจ้าราชวงศ์จำปาศักดิ์ บุตรเจ้าเสือหลานเจ้าอนุวงศ์ ในสมัยของท่านได้สร้างวัดไชยมงคล ซึ่งเป็นวัดธรรมยุตวัดที่ ๔ ในอุบลราชธานี ในสมัยของท่านได้เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรง ระหว่างเจ้าเมืองอุปฮาด ราชวงศ์ เพราะไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชน เนื่องจากฝ่ายเจ้านายอุบลฯ เชื้อสายเจ้าพระวอเจ้าพระตา ไม่พอใจที่รัชกาลที่ ๔โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ เจ้าหน่อคำ ซึ่งเป็นเชื้อสายนครจำปาศักดิ์ ซึ่งเชื่อว่าเป็นผู้สำเร็จโทษเจ้าพระวอ ให้เป็นเจ้าเมือง จึงเกิดการทะเลาะ วิวาทขัดแย้งกัน กลั่นแกล้งกันอยู่เสมอ ท้ายที่สุด ราวปี พ.ศ.๒๔๑๒ เกิดกรณีมอไซแง ได้เกิดความบาดหมาง ทวีความรุนแรง ต่างฝ่ายต่างกล่าวโทษ ซึ่งกันและกัน เจ้าพรหมเทวา กล่าวหาว่า อุปราช ราชวงศ์ ราชบุตร ขัดขวางไม่ให้เก็บเงินส่วย จากไพร่ ข้างฝ่ายอุปราช ราชวงศ์ ราชบุตร ก็กล่าวหาว่า เจ้าพรหมเทวา ฉ้อราษฎร์บังหลวง ทั้งสองฝ่ายจึงลงมา สู้ความกันที่กรุงเทพฯ ต่างฝ่ายต่างสูญเสียทรัพย์สินส่วนตัวเป็นจำนวนมาก พ.ศ. ๒๔๑๘ เกิดศึกฮ่อ เจ้าพรหมเทวาถูกเกณฑ์ไปราชการทัพฮ่อ หลังศึกฮ่อได้อัญเชิญพระพุทธรูป ๒ องค์ คือ พระทองทิพย์ และพระทอง ประดิษฐาน ที่วัดศรีทอง และวัดไชยมงคล พ.ศ. ๒๔๒๒ กราบบังคมทูลขอตั้งบ้านท่ายักขุ เป็นเมืองชานุมานมณฑล บ้านพระเหลา เป็นเมืองพนานิคม ให้เมืองทั้งสอง ขึ้นกับเมือง อุบลราชธานี
ขอบคุณข้อมุลจาก ชมรมอนุรักษ์พุทธศิลป์แห่งภาคอีสาน 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น