วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2556

สมุนไพรฆ่าเบาหวาน

ผักเชียงดา..สมุนไพรฆ่าเบาหวาน

ทุกวันนี้ อากาศรอบ ๆ ตัว ดูเหมือนจะมีเชื้อโรค และไวรัสต่าง ๆ บินกันให้ว่อน ถ้าใครอ่อนแอ ก็รับบริจาคโรคมาจากบรรยากาศได้ง่ายดายนัก บางโรคที่เป็นกรรมพันธุ์ ก็นับว่าเป็นโชคร้ายของคนสายพันธุ์เดียวกัน อย่างยายของพี่ไอค์ ที่ว่ายน้ำกับลูกน้ำนั่นไง ยายของพี่ไอค์ต้องโดนตัดขา เพียงแค่เป็นแผลที่นิ้วเท้า แต่โชคร้ายที่เป็นเบาหวาน แผลก็เลยลามจนต้องตัดขาทิ้ง ลูกน้ำรู้สึกเสียวไส้ นำมาวิตกอยู่หลายวัน เพราะลูกน้ำชอบเติมน้ำตาลในก๋วยเตี๋ยวทีละมาก ๆ แต่แม่บอกว่า หมูอ้วนจงวางใจจากเบาหวานเถิด เพราะตระกูลของเราไม่มีใครเป็นเบาหวาน โรคที่ลูกน้ำจะเป็นคือโรคเด็กอ้วนต่างหาก

พอดีกับเพื่อนฝูงส่งเรื่องเกี่ยวกับผักเชียงดามาทางอินเตอร์เนต เลยเอามาเล่าให้ฟัง เพราะเชียงดาเป็นผักที่คุมระดับน้ำตาลในเม็ดเลือดสำหรับคนเป็นเบาหวานเผื่อจะอยากกินผักกับเขามั่ง

ผักเชียงดานี้ มีชื่ออยู่ในเพลงของกินบ้านเฮาของ จรัล มโนเพชร ด้วยนะ

“.แก๋งผักเซี่ยงดา ใส่ปล๋าแห้งตวยเน่อเจ้า แก๋งบอนแก๋งตุน กับแก๋งหยวกกล้วย. ต้ำบะหนุนยำเตา ส้าบะเขือผ่อย แก๋งเห็ดแก๋งหอย ก้อยปล๋าดุกอุย”

เจ้าผักเชียงดานี้ เป็นผักพื้นบ้านเราดี ๆ นี่เอง ภาษาเมืองเหนือเรียก เซ่งดา ส่วนในภูมิภาคอื่นๆ จะมีชื่อเรียกต่างกันออกไปไม่ว่าจะเป็น “ผักว้น” ,“ม้วนไก่” หรือ “ผักเซ็ง” เป็น พืชในวงศ์ ASCLEPIADACEAE มีลักษณะเป็นไม้เถา น้ำยางใส ใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามสลับตั้งฉาก ดอกช่อ ออกที่ง่ามใบ สีเหลืองอมส้ม ผลรูปหอก มีข้อมูลที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งก็คือในภาษาฮินดู “Gurmar” คำๆ นี้แปลตรงตัวว่า “ผู้ฆ่าน้ำตาล”

ผักเชียงดาจะมีรสขมนิดๆ ถ้าลองเด็ดใบแก่สักหน่อยมาเคี้ยวกินดู แล้วหลังจากนั้นกินน้ำตาลทรายเข้าไป มันจะไม่หวานเหมือนกินน้ำตาล แต่มันจะเหมือนกินทราย รสของเชียงดาจะทำให้น้ำตาลไร้รสชาติ และรสของมันจะติดลิ้นค่อนข้างนาน ทำให้คนที่เคี้ยวไม่อยากจะกินอะไรอีกต่อไป ลูกน้ำบอกว่าลูกน้ำไม่เคยกินทราย จะรู้ไหมว่ารสชาติมันเป็นยังไง แม่เลยบอกให้ลองกินดูไหมล่ะ ทรายหน้าบ้านที่แม่เอาไว้กลบขี้หมาก็มี ลูกน้ำก็เลยเงียบไป ทีนี้แม่ก็จะต้องเล่าในเชิงวิชาการเล็กน้อยคือผักเชียงดาถูกใช้เป็นยารักษาเบาหวานในอินเดียและประเทศในแถบเอเชียมานานกว่า 2000 ปีแล้ว มีสารสำคัญคือ gymnemic acid ซึ่งสกัดมาจากรากและใบของผักเชียงดา มีรูปร่างเหมือนน้ำตาลกลูโคส จึงไปจับเซลล์รีเซพเตอร์ในลำไส้ ป้องกันการดูดซึมของน้ำตาล นักวิทยาศาสตร์เขาพบว่าผักเชียงดา สามารถคุมระดับน้ำตาลในเลือดของตนที่เป็นเบาหวานทั้งชนิด พึ่งอินซูลิน(type 1) และไม่พึ่งอินซูล(type 2) และบางคนก็ใช้ผักเชียงดาตัวเดียวในการคุมระดับน้ำตาลในเลือด โดยไม่ต้องใช้ยาแผนปัจจุบัน ดังนั้น เวลาคนเป็นเบาหวานไปหาหมอจึงต้องบอกให้หมอทราบว่ากินผักเชียงดาเข้าไปผัก เพื่อที่หมอจะได้ลดอินซูลินและยาลง

กลุ่มหมอกลางบ้านไทยใหญ่มีตำราระบุถึง “ผักว้น” หรือเชียงดาว่าเป็น “ยาแก้หลวง” คือ เป็นยาที่รักษาได้หลายโรค มีสรรพคุณคล้ายฟ้าทะลายโจร แก้ไข้ แก้แพ้ แก้เบาหวาน หน้าแล้งจะขุดรากมาทำยา หน้าฝนจะใช้เถาและใบ โดยสับตากแห้งบดชงเป็นชาดื่ม นอกจากนี้ยังใช้แก้แพ้ กินของผิด ฉีดยาผิด เวียนหัว แก้ไข้สันนิบาต (ชักกระตุก) หรือเมื่อเกิดอาการคิดมาก มีอาการหย่องคือมีอาการจิตฟั่นเฟือน นอกจากนี้ คนไทยใหญ่ยังใช้ผักเชียงดารักษาอาการท้องผูกโดยจะแกงผักเชียงดา รวมกับผักตำลึงและยอดชะอม นิยมกินในหน้าร้อน เพื่อช่วยลดความร้อนในร่างกาย

สรรพคุณของผักเชียงดานี้มีมากมายจนประเทศญี่ปุ่นให้ความสนใจ และเอาใบและ ยอดอ่อนของผักเชียงดาจากประเทศไทยไปผลิตเป็นชาชงสมุนไพร (Herbal tea) ใช้ชงดื่มเพื่อลดระดับน้ำตาลในเลือด

แกงผักเซียงดา...ใส่ปลาแห้งโตยเน้อเจ้า!!

ฆ่าน้ำตาลได้โตยเน้อเจ้า!!

ระยะนี้บ้านเรามีผลไม้ให้ทานอย่างจุใจ ...ทั้งเงาะ มังคุด ทุเรียน ฯลฯ

อย่างเงาะและมังคุด..ของโปรด...หวานหวานทานทุกวัน

ป่านนี้น้ำตาลขึ้นไปถึงไหนๆแล้วก็ไม่ทราบ

เรามาหาวิธีจัดการกับน้ำตาลตัวร้ายกันเถอะ

โชคดีที่บ้านเรามีสมุนไพรหลากหลายชนิด "ผักเซียงดา" เป็นพืชชนิดหนึ่งที่ฆ่าน้ำตาลได้

เราเข้าครัวแกงผักเซียงดาทานให้อิ่มท้องซะก่อน

ตามเข้าครัว ...ช่วยโขลกน้ำพริกแกงหน่อยนะ...

นี่ค่ะหน้าตาของผักเซียงดา เป็นไม้เลื้อย..ใกล้ไหนก็พันที่นั่น

เราเลือกแต่ยอดและใบอ่อน ..ล้างให้หมดฝุ่น แล้วสะเด็ดน้ำพักไว้

ทางเหนือนิยมแกงผักเซียงดากับปลาแห้ง หรือปลาย่างก็ได้

เลือกใช้ปลาเนื้ออ่อนรมควัน..หอมอร่อย

มื้อนี้กะว่าจะแกงสักสองถ้วย... ใช้ปลาตัวครึ่ง..ที่เหลือเก็บไว้มื้อหน้า

ไม่ได้ขี้เหนียวนะเออ....ที่ไม่เน้นปลา ...เพราะต้องการ เพียง"ผักเซียงดา"..อิอิ

เครื่องปรุงน้ำพริกแกง ง่ายๆ : พริกแห้ง หัวหอม กระเทียม กะปิ และเกลือ ปริมาณเท่าที่เห็น

พริกแห้ง 5 เม็ด หอมหอม 5 หัว กระเทียม 5 กลีบ กะปิ 1 ช้อนชา เกลือ 1 ช้อนชา

มะเขือเทศตามชอบ ...หรือ สัก 5 - 10 ลูกก็ได้..ตามแต่ว่ามีลูกเล็กหรือใหญ่

น้ำปลา

ขอแรงอาสาสมัคร โขลกน้ำพริกแกง..วงแขนกล้ามเป็นมัดๆ ฮา!!

เวลาโขลกน้ำพริกแกง... ต้องนึกถึงหน้าคนนั้น..แล้วรับรองว่าน้ำพริกแกงจะแหลกในชั่วพริบตา

โขลกน้ำพริกแกงให้ละเอียดพอควร น้ำพริกแกงแฮนด์เมด หอมเพราะใหม่ๆสดๆ

ได้เวลาก็ทำน้ำแกงแล้ว

เริ่มตั้งหม้อน้ำให้เดือด..ปริมาณมากน้อยก็กะเอา

เมื่อน้ำเดือด จึงใส่น้ำพริกแกงลงไปคนให้ละลายโดยทั่วกัน

แล้วจึงใส่ปลาลงไปต้มให้เนื้อนุ่ม

เติมน้ำปลา...อย่าลืมว่าเราใส่เกลือป่นและกะปิ ลงในน้ำพริกแกงแล้ว

จึงควรที่จะต้องชิมรสน้ำแกงเสียก่อนที่จะเติมน้ำปลา

ชิมน้ำแกง จะมีรสเค็มๆนิดหน่อย

จากนั้นจึงใส่มะเขือเทศลงไปต้มสักประเดี๋ยวจะได้รสเปรี้ยวและหวานเพิ่มขึ้นมา

เมื่อจะทานจึงค่อยใส่ผักเซียงดา

ผักเชียงดาเป็นผักใบอ่อน เมื่อใส่ลงหม้อแล้วรีบตักแกงเสิร์ฟในทันที

หากทิ้งแกงไว้นาน ผักจะสีไม่สวยค่ะ

แกงเสร็จแล้ว...หน้าตาดี... หอมฉุยเลยค่ะ

ตักเสิร์ฟร้อนๆทันที

น่ารับประทาน..สีสันสดสวย

ได้เวลาปฏิบัติการ ฆ่าน้ำตาลกันแล้ว

http://www.oknation.net/blog/poetrypong/2010/10/22/entry-1

http://www.oknation.net/blog/warnwarn/2013/06/15/entry-1

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น