วันพุธที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556

มะขามป้อม


ข้อมูลวันนี้ได้จาก วันดี ญาณไพศาล ในวารสารมหาวิทยาลัยศิลปากร และจาก ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร ผู้เชี่ยวชาญสมุนไพรของ อภัยภูเบศร จากงานมติชนเฮลท์แคร์ ที่จะจัดวันที่ 30 พ.ค. - 2 มิ.ย. 2556
มะขามป้อม
ภาษาอังกฤษเรียก Indian gooseberry หรือ amla มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Phyllanthus emblica Linn. วงศ์ Euphorbiaceae
ชื่อท้องถิ่น กันโตด (เขมร-กาญจนบุรี) กำทวด (ราชบุรี), มะขามป้อม (ทั่วไป), มั่งลู่, สันยาส่า (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน)
จากรายงานการศึกษาหนึ่งพบว่ามะขามป้อมมีสาร hydrolysable tannin ที่มีน้ำหนักโมเลกุลต่ำ 4 ชนิด คือ emblicanin A, embli canin B, punugluconin และ pedunculagin ซึ่งสารเหล่านี้มีฤทธิ์หลายอย่างคล้ายวิตามินซี ในปริมาณที่สูงมาก
และพบว่าในผลมะขามป้อมมีแร่ธาตุต่างๆ สูง โดยเฉพาะธาตุเหล็ก เนื่องจากการดูดซึมธาตุเหล็กจะสูงขึ้นหากมีวิตามินซีร่วมอยู่ด้วย
ดังนั้นมะขามป้อมจึงน่าจะเป็นแหล่งธาตุเหล็กที่ดีสำหรับร่างกาย นอกจากนี้ยังมีกรดอะมิโนหลากชนิดในปริมาณสูง รวมทั้งมี lysine และ methionin ซึ่งมักขาดหรือมีปริมาณน้อย ในพืช ผลไม้นี้ให้ค่าพลังงานต่ำเนื่องจากมีคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลน้อย จึงเหมาะแม้กับผู้ที่ต้องการควบคุมอาหาร

สรรพคุณ : มะขามป้อมมีรสเปรี้ยวอมฝาด ช่วยให้ชุ่มคอ แก้คอแห้ง กระหายน้ำ ช่วยละลายเสมหะ แก้ไอ บำรุงเสียง และกระตุ้นน้ำลาย เคยมีการใช้แก้กระหายน้ำเมื่อเดินทาง


วิธีใช้ตามภูมิปัญญาไทย
1. กินลูกสด กินมะขามป้อมสดวันละ 1 ลูกทุกวัน หรือเอามะขามป้อมมาล้างให้สะอาด ผ่าเอาเม็ดออกใส่ครกตำให้ละเอียดเติมเกลือเล็กน้อย นำน้ำผึ้งมาใส่ชุ่มๆ


2. กินมะขามป้อมแห้ง โดยเอามาแช่น้ำก่อนนอน ครั้งละ 1 ถึง 2 ลูกต่อน้ำหนึ่งแก้ว ทิ้งไว้ตลอดคืน ตื่นเช้ากินทั้งน้ำทั้งเนื้อตอนท้องว่าง


3. ปั้นเป็นเม็ดลูกกลอน เอาลูกมะขามป้อมมาสัก 100 ลูก พอสุกจึงแกะเอาเม็ดออก ตำให้ละเอียด ตากแดดให้แห้ง ลูกกลอนผสมน้ำผึ้งปั้นลูกกลอน กินวันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 3 เม็ด

4. ต้มกินต่างน้ำ ใช้มะขามป้อมสดหรือแห้ง ประมาณ 5-6 ลูก ต้มกับน้ำ 5 แก้วให้ เสร็จแล้วยกลงพอให้น้ำยาอุ่นๆ กินต่างน้ำทั้งวัน

ผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์

1.พบว่าสารสกัดด้วยน้ำของผลมะขามป้อม ช่วยยับยั้งความเป็นพิษต่อตับและไต ซึ่งพบว่าป้องกันพิษที่เนื่องมาจากตะกั่ว และอะลูมิเนียม ในเนื้อเยื่อตับและไตของหนู ได้ดีเมื่อเทียบกับวิตามินซี แต่สารสกัด จากผลมะขามป้อมมีประสิทธิภาพดีกว่า


- ฤทธิ์ต้านการกลายพันธุ์ พบว่าให้ผลเช่นเดียวกับวิตามินซีในปริมาณเท่ากัน ในการลดความถี่ของการเกิดโครโมโซมผิดปกติและการแตกหักของโครโมโซม


- ฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัส สามารถยับยั้งเอนไซม์ HIV-1 REVERSE TRANSCRIPTASE ได้ดี

- ฤทธิ์ต้านการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร โดยมีฤทธิ์ต้านปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ซึ่งเป็นปฏิกิริยาที่มีบทบาทสำคัญในการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร และเพิ่มการหลั่งเยื่อเมือกในกระเพาะอาหาร

2.สารสกัดของมะขามป้อม ลูกใต้ใบ และโกศก้านพร้าว สามารถยับยั้งการเกิดมะเร็งต่อตับได้ดีเมื่อทดสอบในสัตว์ทดลอง โดยประสิทธิภาพในการต้านการเกิดมะเร็งของสารสกัดนี้แปรผันตรงกับความเข้มข้น

3.น้ำคั้นผลสดเมื่อป้อนให้กระต่ายที่มีภาวะหลอดเลือดตีบแข็ง สามารถลดระดับคอเลสเตอรอล triglyceride phospholipids และ LDL ในซีรั่มลงถึง 82% 66% 77% และ 90% ตามลำดับ รวมทั้งยังขับถ่ายคอเลสเตอรอลและไขมันได้มากขึ้น

4.สารสกัดจากผลใบ และลำต้นของมะขามป้อมมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียและสารสกัดจากเปลือกลำต้นมีฤทธิ์ต้านเชื้อรา

ขอบคุณข้อมูลhttp://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น